
บอสกันต์ กันตถาวร แห่งดิไอคอนกรุ๊ป ยันไม่ได้ถือหุ้น
บอสกันต์ กันต์เป็นบุตรของมงคล กับวันเพ็ญ กันตถาวร จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๒ สายศิลป์-คำนวณ และระดับปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการบัญชี เคยเป็นหนุ่มป๊อปดาว้องก์ (สถาบันกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่ง) ประจำปี 2003 คู่กับคะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์
เข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นนายแบบ เดินแบบ ถ่ายภาพนิ่ง และยังมีผลงานโฆษณาและแสดงในมิวสิกวิดีโอ รวมทั้งยังเป็นดีเจของคลื่นอีเอฟเอ็ม จากนั้นได้ทำสัญญากับสังกัดโพลีพลัส แสดงละครเรื่องแรกของค่ายคือ บ่วงร้ายพ่ายรัก โดยรับบทเป็นเชน (ตัวร้าย) บทบาทนี้ทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลท็อปอวอร์ด 2009 สาขาดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมประเภทละครโทรทัศน์
หมายจับ “บอสกันต์ กันตถาวร” แห่งดิไอคอนกรุ๊ป
กันต์ กันตถาวร ตำรวจออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย รายงานแจ้งว่า บอสแซม ยุรนันท์ โดนควบคุมตัวก่อนหน้านี้ วันนี้ (16 ต.ค.) ตำรวจกองปราบได้แสดงหมายจับ บอสพอล หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล CEO ดิ ไอคอน กรุ๊ป ขณะเดินทางมาที่ สคบ. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ่านหมายจับพร้อมกับควบคุมตัว บอสพอล หลังอ่านหมายจับเป็นที่เรียบร้อย โดย “กันต์” ได้เปิดเผยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สวัสดีพี่ๆ สื่อมวลชน ขอพูดจากความรู้สึก ขอแสดงความเสียใจจากที่เห็นจากทุกสื่อ จากที่มีผู้เสียหาย ตกใจ เพราะไม่ได้รับรู้ข้อมูลนี้มาก่อนตลอดระยะเวลาที่ได้รับจ้าง
วันนี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่ได้ยินกระแสสังคม ว่าผมเป็นผู้มีส่วนร่วม ผมไม่ได้มีส่วนร่วมลงทุนหรือออกนโยบาย ผมรับจ้างทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัท ให้กับผู้บริโภค และตัวแทนได้นำไปใช้ เชื่อเสมอว่าสิ่งที่ผมตรวจเช็กการทำงานเป็นมาตรฐานมาตลอด เราได้ตรวจเช็กเรื่องการจดทะเบียน สินค้ามีการนำมาลองใช้ ทั้งตนเอง ภรรยา คุณพ่อ คุณแม่ มี อย. สินค้าทุกตัว มีการการันตี
มีการเช็กสินค้าจริงๆ รวมถึงรูปแบบการทำงานที่ตรงกับสายงานตรงกับผม แต่ก็ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าผมรับจ้างผลิตโฆษณา ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานบนความถูกต้อง วันนี้ผมมาแสดงความรับผิดชอบ ผมได้ยุติอาชีพพิธีกร ก่อนที่จะเกิดความชัดเจน มีการยกเลิกสัญญากับ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับสื่อ มันคือพื้นฐานที่ผมสามารถทำได้ หลังจากนี้จะเอาข้อมูลส่งให้ทุกหน่วยงาน เพื่อหาความชัดเจนให้ได้เร็วที่สุด
กันต์ เผยต่ออีกว่า สัญญาทั้งหมด 5 ปี ผมทำงานมาแล้วตอนนี้ 3 ปี เริ่มตุลาคม ปี 64 ตอนนี้ 3 ปี หน้าที่ผมคือโปรโมทสินค้าทุกสินค้าดิไอคอนกรุ๊ป รวมไปถึงบริษัทด้วย เพื่อให้ทุกคนรู้จัก จากข้อมูลที่ตรวจเช็กได้ก็คือถูกต้อง ความรู้สึกผม เป็นสินค้าที่ดีก่อนที่ตัดสินใจร่วมงาน ผมทำตามสคริปท์ทางบริษัท ทำหน้าที่ตามสัญญาได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ข้อมูลที่ผมเช็กด้วยตัวเอง คือการขายสินค้าในช่องทางออนไลน์
ส่วนประเด็นเป็นผู้บริหารนั้น สัญญาที่ระบุไว้คือ ผู้บริหารสื่อสารมวลชนและสื่อเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ พูดง่ายๆ บอสกันต์ คือผมทำหน้าผลิตสื่อ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ตามที่ทางบริษัทกำหนดมา ที่มาของ “บอส” เป็นการให้เกียรติ “บอสพอล” เป็นผู้บริหารของดิไอคอนกรุ๊ป บริษัทนี้ผมไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วน ผมทำตามสัญญาที่ระบุการจ้างงานค่าตอบแทนจากการจ่ายสินค้าของทางบริษัทเป็นรายเดือนตามข้อตกลงตามสัญญา ไม่ได้เป็นแม่ทีมในการขาย ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้า รายได้ทางบริษัทได้เป็นคนส่งมาให้ ตอนนี้กำลังเก็บข้อมูล ผมไม่ได้เป็นพนักงาน ผมเป็นผู้รับจ้างในแต่ละเดือน ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของทางบริษัท
กันต์ กันตถาวร ยกเลิกสัญญา ดิไอคอนกรุ๊ป เผยเหตุเรียกบอส ยันไม่ได้ถือหุ้น
กันต์ กันตถาวร ยกเลิกสัญญา ดิไอคอนกรุ๊ป เรียบร้อยแล้ว เผยเหตุเรียกบอส ยันไม่ได้ถือหุ้น ไม่ได้มีอำนาจกับบริษัท เป็นเพียงผู้รับจ้าง หลังเป็นกระแสข่าวฮอต กรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีดาราระดับท็อปเป็นบอส และมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่าถูกขายฝันให้ร่วมลงทุน แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างนั้น ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก สูญเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต สิ้นเนื้อประดาตัว บางรายเครียดถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง โดยเหยื่อทยอยเข้าแจ้งความต่อเนื่อง ทั้งนี้มีดารา นักแสดง ที่เกี่ยวข้องบางท่านออกมาชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 12 ต.ค. 2567 ที่ ห้อง Hole in one สนามกอล์ฟ Phothalai กันต์ กันตถาวร พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง อีกหนึ่งคนดังที่นั่งแท่นตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ในเครือ ดิไอคอนกรุ๊ป ออกมาแถลงชี้แจงต่อประเด็นร้อนดังกล่าว
กันต์ กันตถาวร กล่าวว่า วันนี้ผมขอพูดจากความรู้สึก ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เราได้เห็นกันจากทุกสื่อ ตั้งแต่เริ่มแรก ที่มีข่าวว่าผู้เสียหายเกิดขึ้น มีความเสียหายเกิดขึ้น ยอมรับตกใจมากๆ เพราะไม่เคยรับข้อมูลแบบนี้มาก่อนตลอดระยะเวลาที่ผมได้ทำงานเป็นผู้รับจ้าง ให้กับดิไอคอนกรุ๊ป โหนกระแส
ผมมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่ได้ยินกระแสสังคม แล้วก็ทุกๆคนได้คิดกันไปต่างๆนาๆ ว่าผมมีส่วนร่วมในครั้งนี้ วันนี้ผมมาเพื่อบอกว่า ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัท หรือการลงทุน หรือการออกนโยบาย ก็การทำอะไรก็แล้วที่ออกมาจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป
เป็นเพียงคนที่รับจ้างมาเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ สินค้าทุกสินค้าของบริษัทดิไออนกรุ๊ป ที่ให้กับผู้บริโภค แล้วก็ตัวแทนจำหน่าย ได้เอาไปใช้กัน และผมเชื่อมั่นมาเสมอว่าสิ่งที่ผมทำจากการที่ตรวจเช็กความถูกต้องมาตลอดซื้อเป็นตามมาตรฐานการทำงานของผมมาตลอด มันเป็นมาตรฐานที่ดีแล้ว
ข้อมูลของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปที่เราได้ตรวจเช็ก ในเรื่องของการจดทะเบียนก็เป็นสิ่งถูกต้อง สินค้าก็มีการนำมาลองใช้ก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะออกจากปากว่ามันดีหรือไม่ดีในความรู้สึกของผมเองกับภรรยาและคุณพ่อคุณแม่ มี อย. สำหรับสินค้าทุกตัว มีการการันตีต่างๆ ตั้งแต่โรงงานที่ผลิต มีการเช็กสินค้าจริงๆ รวมไปถึงรูปแบบการทำงานที่ตรงกับสายการทำงานของผมอยู่แล้ว ตรงกับการทำงานของผมอยู่แล้ว นั่นคือการเป็นโฆษกให้กับสินค้าและก็บริษัท แต่ก็ยังมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น
ยึดรถ “บอสกันต์” ที่ได้จาก “บอสพอล” จากรถตู้เบนซ์สีแดงกลายเป็นสีดำแล้ว
วันนี้ (20 ต.ค.) สองบอส โดนตำรวจยึดรถเพิ่ม ทั้ง บอสกันต์ หรือ กันต์ กันตถาวร และ บอสพอล โดยทางเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้แจ้งรายละเอียดไว้ ซึ่งเป็นของ บอสพอล 3 คัน
และของ บอสกัน ที่เป็นรถเบนซ์ที่ได้เป็นของขวัญจาก บอสพอล เป็นของขวัญวันเกิด และจากรถตู้สีแดง แต่ตำรวจยึดมาเป็นสีดำ เพราะการใช้สติกเกอร์แร็พให้เป็นสีแดงก่อนหน้า และยังมีเศษติดอยู่ ตามโพสต์นี้ว่า
“ตร.ยึดรถ ‘บอสกันต์’ และ ‘บอสพอล’ เพิ่ม วันที่ 20 ต.ค.67 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้อายัดรถของกลางเพิ่มอีก 4 คันเป็นรถของนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือพอล 3 คัน และรถตู้เบนซ์ของ นายกันต์ กันตถาวร 1 คัน ซึ่งเป็นรถที่นายกันต์ได้รับจากนายวรัตน์พลเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนตกเป็นผู้ต้องหาไม่กี่เดือนรถที่นายกันต์ได้เป็นของขวัญวันเกิดขณะนั้น
บอสกันต์ กันตถาวร ขอพบแพทย์ ในเรือนจำ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยถึงสภาพจิตใจของ นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ พิธีกรชื่อดัง ผู้ต้องขังคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า สภาพจิตใจของกันต์ ยังคงปกติ ไม่มีอาการแย่ลง และไม่จำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม นายกันต์ยังต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในเรือนจำ โดยมีการขอพบแพทย์ และขอใบสั่งยาน้ำตาเทียม เนื่องจากอาการตาแห้ง แต่ไม่ได้มีการเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมส่วนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ในกลุ่มดิไอคอน ก็ไม่มีการร้องขอเพิ่มเติมใดๆ เช่นกัน โดยในวันนี้ มีการให้พบทนายและมีญาติมาซื้อของให้ตามปกติ… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่