
บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของธุรกิจ “The iCON GROUP”
บอสพอล เป็นอีกหนึ่งคนซึ่งอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับความยากจนมาตั้งแต่เกิด ด้วยการเป็นลูกกรรมกรก่อสร้างที่ต้องต่อสู้กับความจนทุกวิถีทางโดยหางานทำมาตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านมาแล้วหลากหลายงานแต่ความขยันก็ไม่สามารถช่วยให้เขาหนีพ้นจากความจนได้ แถมยังติดหนี้บัตรเครดิตเป็นแสนๆ ชีวิตถึงทางตัน ถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ หลังจากโมงยามแห่งความตกต่ำได้ผ่านพ้น “พอล-วรัตน์พล” กลับมาหยัดยืนดำรงตนได้อย่างสง่างามอีกครั้ง ด้วยสติ และด้วยความเพียร อีกทั้งการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้ตัวเอง ชื่อของเขากลายเป็นที่ยอมรับนับถือในกลุ่มคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ต้องบอกก่อนว่าผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แม่เป็นกรรมกรก่อสร้าง ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเราไปตั้งแต่ 3 ขวบ มีชีวิตรอดมาได้ก็เพราะว่าแม่ไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง หาเงินมาเลี้ยงดูพวกเรา บางทีก็กินข้าวโรยน้ำตาลหรือไม่ก็น้ำมันหมูคลุกๆ ให้ชีวิตอยู่รอดไป
ส่วนตัวผมเรียนที่โรงเรียนวัด ซึ่งแม่ให้ไปเรียนจริง แต่ว่าไม่มีเงินให้เรียน ก็เลยต้องไปขอทุนที่โรงเรียน แล้วก็ทุนอาหารกลางวันจากวัด หลังจากนั้นผมก็มาเข้าโรงเรียนชายล้วน เป็นโรงเรียนพลทหารก็ขอทุนอาหารกลางวันเขากินเหมือนเดิม จนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็เอนทรานซ์แข่งกับเขานี่แหละ แต่สอบไม่ติดก็เลยต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย แม่ไม่มีแรงที่จะหาเงินได้แล้ว เพราะแม่แก่แล้ว เราก็เลยต้องไปทำงานเสิร์ฟ หาเงินมาเลี้ยงแม่ แล้วก็ส่งตัวเองเรียนด้วย
รู้จัก บอสพอล วรัตน์พล จากคนขายกระเบื้อง สู่เจ้าของ ดิไอคอนกรุ๊ป 3 ปี ยอดขายทะลุ 5 พันล้าน!
วรัตน์พล – ด้วยไลฟ์สไตล์สุดหรู และภาพลักษณ์ที่โด่งดังในโซเชียล ตลอดจนเป็นที่เรียกในวงกว้างว่า ซีอีโอร่างทอง ที่ทำเอาคนอยากรู้จักมากขึ้นว่าเขาเป็นใครกัน พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ที่ใช้โมเดล “ซื้อมา-ขายไป” สร้างรายได้มหาศาล โดยมีเหล่าดาราระดับแนวหน้าของไทยทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ร่วมงานเพียบ
ทั้งนี้ พอล หรือที่เหล่าคนร่วมงานเรียกว่า โด่งดังจากการออกรายการดัง เจ้าของวลีเด็ดอย่าง “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ซึ่งเจ้าตัวเคยเล่าในรายการดังว่า ต้องต่อสู้ชีวิต ฝ่าอุปสรรคมาเยอะ เคยเป็นทั้งเด็กเสิร์ฟ เป็นพนักงานบริษัท เท่าที่จำความได้อยู่กับแม่ แม่เป็นกรรมกรก่อสร้าง ส่วนพ่อก็ทิ้งไปตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เริ่มทำงานประจำครั้งแรกได้เงินเดือน 6,000 บาท
จนมาสนใจธุรกิจออนไลน์หลากหลายอย่าง โดยเริ่มจากการเป็น คนขายกระเบื้องออนไลน์ ซึ่งเขาเริ่มต้นศึกษาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเว็บไซต์ หรือการใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce ต่างๆ และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างเว็บไซต์ขายกระเบื้องออนไลน์เป็นของตัวเองได้สำเร็จ กระทั่งมาเป็นนักธุรกิจที่ระบุว่า เปิดบริษัทมาเพียง 3 ปีกว่าๆ เท่านั้นแต่มียอดขายทะลุ 5,000 ล้านไปแล้วในปี 2564 โหนกระแส
เปิดประวัติ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล จากเด็กย่านชุมชนแอดอัด สู่ซีอีโอเจ้าของธุรกิจดัง “The iCON GROUP”
นาทีนี้เรียกได้ว่าใครหลายคนอยากทำความรู้จักกับ “บอสพอล” เจ้าของวลีเด็ด “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ผู้ก่อตั้งและซีอีโออาณาจักรธุรกิจออนไลน์ที่ใช้โมเดล “ซื้อมา-ขายไป” สร้างรายได้มหาศาล พร้อมได้พรีเซนเตอร์ระดับซูเปอร์สตาร์ร่วมงานมากมาย
สำหรับ “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” จากการตรวจสอบบนโลกโซเชียล พบว่า เขาเติบโตมาในครอบครัวย่านสลัมคลองเตย เริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ รับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารช่วงดึก
นอกจากนี้ ยังทำงานพิเศษอื่น ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว และหาเงินส่งตัวเองเรียนด้วย ซึ่งแม้ว่าจะได้งานประจำทำหลังเรียนจบ แต่รายได้จากเงินเดือนพนักงานบริษัทก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย พอลจึงใช้เวลาว่างหลังเลิกงาน หารายได้พิเศษด้วยการทำงานพาร์ตไทม์ต่าง ๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ข้อมูลระบุต่อว่า ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นยุคที่ธุรกิจออนไลน์ยังเป็นเรื่องใหม่ “พอล วรัตน์พล” ได้เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจผ่านการขายกระเบื้องออนไลน์ ซึ่งระหว่างนี้ เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรค คอยเรียนรู้ และปรับตัว เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ
พอล วรัตน์พล” เริ่มต้นศึกษากระบวนการต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเขียนเว็บไซต์ ไปจนถึงการใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ จนสามารถสร้างเว็บไซต์ขายกระเบื้องออนไลน์เป็นของตัวเอง
ต่อมา “พอล วรัตน์พล” เล็งเห็นโอกาสในตลาดสินค้าสุขภาพ ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนั้น และตัดสินใจเบนเข็มธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
มหากาพย์ “The iCON” เจาะพฤติกรรม “บอสพอล” แฉบุคคลเบื้องหลังปริศนา มีอิทธิพลมาก
เปิดมหากาพย์ “The ICON” เจาะพฤติกรรม เตรียมตัวมาดี มีอาวุธคือความลับคนอื่น “เอกภพ” แฉ พอลมีบุคคลเบื้องหลังปริศนา ไม่ข้องเกี่ยว The iCON มีอิทธิพลมาก
ยังคงเป็นที่จับตาในสังคมสำหรับเครือข่ายอาณาจักร “The iCON Group” ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยพฤติกรรมของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ พอล” ผู้ต้องหาคดี The iCON ว่า มีการใส่เครื่องดักฟังในกางเกงชั้นใน วิกผม รวมถึงบันทึกเสียงขณะสนทนาทั้งต่อหน้าและบนโทรศัพท์ด้วย จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า 18 บอสที่ถูกจับกุมอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และอาจมีผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ เข้ามาอีกมากมาย
วานนี้ (11 ตุลาคม) วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียถึงข่าวที่ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ระบุว่า บอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป ติดต่อคืนเงินผู้เสียหายที่พาไปแจ้งความทุกรายว่า “ผมเห็นข่าวนี้แล้วนะครับ และขอยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมครับ”
วรัตน์พลระบุด้วยว่า “ผมขอชี้แจงดังนี้ 1. ผมไม่เคยรู้จักทนายตั้ม และไม่เคยคิดที่จะติดต่อไปครับ 2. ที่อ้างว่าติดต่อคืนเงินผู้เสียหายที่พาไปแจ้งความทุกราย ความจริงคือผมยังไม่รู้เลยครับว่าทนายตั้มนำผู้เสียหายท่านใดไปแจ้งความบ้าง เพราะเขาก็ไม่เคยโทรหาผมและผมก็ไม่เคยติดต่อไป
จากนั้นมหกรรมแฉแหลกคนดังมีชื่อเริ่มต้นขึ้นทุกหน้าสื่อ โดยมีการหยิบหลักฐานทั้งภาพ เสียง วีรกรรมในอดีต ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจ “ดิไอคอน” รวมถึงผลประโยชน์มหาศาลที่บรรดาผู้บริหาร หรือ “บอส” ได้รับว่ามันถูกทำนองคลองธรรมหรือไม่?
ทันทีที่เกิดดราม่าชื่อของ พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอ ถูกหยิบขึ้นมากางออกว่าเขาคือใคร ท่ามกลางคอนเทนท์พีอาร์หน้าสื่อว่าเขาคือ “นักธุรกิจพันล้าน” ทุกอย่างย้อนกลับไปว่า “ดิไอคอน” สามารถเนรมิตรความมั่งคั่งได้ในเวลาอันสั้นจริงๆ หรือมันดำเนินการบนพื้นฐานการเอารัดเอาเปรียบ “เหยื่อ” กันแน่
ส่วนหนุ่มคนสนิท พิธีกรดังย่านรังสิต กันต์ กันตถาวร ถือเป็นภาพใหญ่ของดิไอคอนทั้งในเรื่องชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ รวมถึงเสียงลือการเป็น “ลูกรักองค์กร” ทั้งหมดเปรียบเสมือน “เกราะเหล็ก” ที่ป้องกันไม่ให้ดิไอคอนถูกโจมตี และยังสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนรายใหม่ๆที่พาเหรดกันเข้าสู่วังวนไม่หยุดหย่อน
ทรัพย์สิน และความร่ำรวยในระดับเกินเบอร์ คำถามที่ว่า “อาชีพพิธีกร” สร้างความมั่งคั่งให้แก่ “บอสกันต์” ขนาดนี้เชียวหรือ? ซึ่งคำตอบของทั้งหมดเริ่มชัดเจนเมื่อ ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ พอล – กันต์ รวม 125 ล้านบาท เพื่อตรวจสอบที่มาว่ามันเกิดจากอาชีพการงานหลัก หรือ “งานเสริม” อย่างไอคอนกรุ๊ปกันแน่