ทนายพัช ประกาศตัดขาด “แอม ไซยาไนด์” เตรียมถอนตัวจากคดี
แยกวง ทนายพัช ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอถอนตัวเป็นทนายความให้ “แอม ไซยาไนด์” แจงมุมมองการสู้คดีต่างกัน ติดใจโดนซัดทอดปัดลอยแพลูกความ กรณีศาลอาญามีคำพิพากษาประหารชีวิต นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ในคดีวางยาพิษทำให้ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เสียชีวิต และพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี แอม ไซยาไนด์ เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ เป็นเวลา 2 ปี ในข้อหา ช่วยเหลือผู้กระทำผิดให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง โดย พ.ต.ท.วิฑูรย์ และ น.ส.ธันย์นิชา ได้รับการปล่อยชั่วคราว 3 ศาลตีหลักทรัพย์คนละ 100,000 บาท เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น
ทนายพัช ยื่นคำร้องถอนตัวคดี แอม ไซยาไนด์
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ เดินทางมาศาลอาญา พร้อมเอกสารการยื่นขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความให้นางสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์
เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับนางสรารัตน์ หรือแอม เนื่องจากความเห็นของทนายความกับลูกความมีความเห็นไม่ตรงกัน ที่ผ่านมาตนได้ทำหน้าที่ในศาลชั้นต้นเรียบร้อยแล้ว จึงหมดหน้าที่ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องภายในสำนวน ตามมรรยาทของทนายความถึงแม้ทนายความจะออกจากการเป็นทนายความของลูกความแล้ว จะต้องรักษาความลับของลูกความเอาไว้ ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้
น.ส.ธันย์นิชากล่าวว่า ในส่วนการอุทธรณ์คดีทางแอมต้องหาทนายความคนอื่นมาแก้ต่างในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เพื่อจะได้ลองทำงานร่วมกับทนายคนอื่นว่าจะมีการดำเนินการกับแอมอย่างไร ที่ผ่านมาตนได้ทำหน้าที่ในฐานะทนายความที่ดีและความลับของลูกความเราก็ไม่บอก ขณะนี้ตนมีหน้าที่ในการเตรียมอุทธรณ์ในส่วนของตัวเอง ต้องมาดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน เพื่อขอความเมตตาจากศาลสูงในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
กล่าวต่อว่า สำหรับการถอนตัวจากการเป็นทนายความแอม ตนตัดสินใจมานานแล้วและได้คัดทะเบียนราษฎร์ของแอมตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนศาลมีคำพิพากษา ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะเป็นเช่นไร ตนก็ตัดสินใจขอถอนตัวอยู่ดี และขอถอนตัวจากทุกสำนวนคดี
ส่วนตัวแอมไม่ได้ว่าอะไร และแอมก็ร้องขอว่าอย่าถอนเลย แต่เมื่อความเห็นไม่ตรงกันในมุมของนักกฎหมายจึงขอถอนตัวออกมา ตนอยากให้แอมได้สัมผัสกับทนายคนอื่นบ้างว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร มีมุมมองความเห็นในการสู้คดีอย่างไร
ส่วนเรื่องที่ตนถูกแอมซัดทอดมานั้น ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่ใช้คำว่าติดใจมากกว่า เพราะที่ผ่านมาเวลาตนทำงานให้กับลูกความ ตนจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และตั้งแต่ตนเป็นทนายความมานั้น ตนไม่เคยมีเรื่องเสียหายมาก่อน ที่ผ่านมาก็เอาคนเข้าคุกมาแล้วหลายคน จากนี้แอมมีสิทธิที่จะเลือกทนายความคนไหนก็ได้ และทนายความก็มีสิทธิที่จะเลือกลูกความว่าจะทำหรือไม่ก็ได้ โหนกระแส
ยืนยันว่าไม่ใช่การลอยแพ เพราะได้ตัดสินใจเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษาแล้ว แม้ตนจะไม่ได้แนะนำทนายคนใหม่ให้แต่คิดว่าแอมคงหาทนายใหม่ได้ เพราะรู้จักทนายเยอะ แม้คดีจะมีความสลับซับซ้อนก็ตาม หลังจากนี้คงไม่ได้ไปเยี่ยมแอมที่เรือนจำอีก ในส่วนอีก 14 สำนวนที่เหลือก็ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะมีการส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม การยื่นคำร้องขอคดีดังกล่าวจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ต่อเมื่อ ศาลมีคำสั่งให้ตนเองถอนจากการเป็นทนายความในคดีนี้ ซึ่งในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำสั่ง ตนก็จะยังคงคอยทำหน้าที่เป็นทนายความและให้ความเป็นธรรมแก่ลูกความจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง ส่วนอดีตสามีแอม ไซยาไนด์ ทนายภัทรกล่าวว่าตนไม่เคยพูดคุยด้วยและใช้ทีมทนายความคนละส่วนกัน ตนก็มีทนายความของตัวเอง
กล่าวต่อว่า วันนี้ยังมีเรื่องที่จะต้องติดตามก็คือ ตนจะไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่ออัยการสำนักงาน การสอบสวน ในความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ที่เคยได้ยื่นแจ้งให้ทำการสอบสวนไปก่อนหน้านี้ กับชุดจับกุมที่นำโดยอดีตนายตำรวจคนดัง ซึ่งตนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากแอมในการร้องเรียน การจับกุมเรื่องปกปิดชะตากรรมเมื่อจับกุมแอมแล้วไม่ได้แจ้งให้กรมการปกครองและสำนักงานอัยการสูงสุดทราบ เท่ากับเป็นเรื่องการปกปิดชะตากรรม จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อันเป็นความผิดต่อแผ่นดิน เป็นหน้าที่ที่ตนต้องนำข้อมูลไปแจ้ง ซึ่งก็ทราบล่าสุดว่าทางตำรวจยอมรับแล้วว่าไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมายซึ่งขณะนั้นมีการประกาศใช้แล้ว
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เดินทางมาศาลอาญาและบังเอิญเจอกับทนายพัช ก็ได้เดินทางมาพูดคุยจับมือให้กำลังใจพร้อมหยอกล้อ
นายเดชายังระบุด้วยว่า วันนี้ตนได้เจอพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีแอมได้แจ้งว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ไซยาไนด์ โดยจะขอให้ศาลเพิ่มโทษ